ad left side

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์

อ้างถึง http://www.mratchakitcha.soc.go.th/announce.html
เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙

  • ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
  • ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





    ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
    เรื่อง อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
    โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
    สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เสด็จสวรรคตแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่
    ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๒ นาที
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๒ วรรคสอง
    ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติ
    เรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้ง
    พระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แล้ว
    ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ
    และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภา
    ประกาศให้ประชาชนทราบ
    โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
    สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
    สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
    พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕
    สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
    พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้รับทราบกรณีสวรรคตดังกล่าวด้วยความโทมนัสยิ่ง โดยเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน
    พุทธศักราช ๒๕๕๙ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการประชุมเพื่อรับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาท
    และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญ
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
    ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๒
    วรรคสอง ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง
    จึงขอประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
    สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
    เป็นต้นไป
    ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
    พรเพชร วิชิตชลชัย
    ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
    ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา





    ประกาศ
    เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
    มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
    ได้มีประกาศเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ว่า พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท
    ไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ จึงได้มีการประชุม
    เพื่อรับทราบ และได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท โดยประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์
    เป็นพระมหากษัตริย์แล้ว นั้น
    ทรงพระราชดำริว่าในระหว่างที่ประชาชนยังมิได้ถวายพระปรมาภิไธย เนื่องในการพระราชพิธี
    พระบรมราชาภิเษก อันจะพึงมีต่อไปตามพระราชประเพณีเป็นการสมควรที่จะเฉลิมพระปรมาภิไธย
    เป็นการชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการเรียกขานพระนาม จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
    เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า
    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
    ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นปีที่ ๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
    ผู้รับสนองพระราชโองการ
    พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    นายกรัฐมนตรี