ad left side

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 51/2557 เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น

    ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 51/2557
    เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น


    ตามที่ได้มีการประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาราจักรไทยแล้วนั้น เพื่อให้ศาลอุทธรณ์สามารถดำเนินการพิจารณาและพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศดังต่อไปนี้

    ให้ศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ในกรณีที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วต่อไป ทั้งนี้ วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบการประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดี เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2550
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

    ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    (พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา)
    หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557
       เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด

      
       เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
      
       1.ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้นำเข้า และส่งออก รวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตลอดแนวชายแดน ปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกหมู่บ้านและชุมนุมทั่วประเทศ และใช้มาตรการตรวจสอบเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ
      
       2.ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมตรวจสอบสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ที่พัก อาคารในเชิงพานิชย์ ประเภท หอพัก อาคารชุด หรือ เกสเฮ้าส์ ที่ให้ผู้อื่นเช่า สถานที่ที่จัดให้มีการเล่น บิลเลียด สนุกเกอร์ รวมทั้งโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสถานประกอบการอื่นๆ หากพบว่า มีการปล่อยปละละเลยให้มีการซุกซ่อน จำหน่าย และเสพยาเสพติด ให้มีการดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับเจ้าของหรือผู้ประกอบการในทันที
      
       3.ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำผู้เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษาโดยทันที และติดตามดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติ ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพ โดยประสานงานกับทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชนและองค์กรชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานดังกล่าวอย่างจริงจัง
      
       4.เจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดปล่อยปละละเลยหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องถูกดำเนินการทางวินัย และทางอาญาทันที
      
       5.ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อ 1-4 และรายงานผลการปฏิบัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่อง
      
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      
       สั่ง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 50/2557 เรื่อง ให้ศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม

        ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 50/2557
        เรื่อง ให้ศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม


        โดยที่การกระทําความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พุทธศักราช 2490 เป็นความผิดที่มีเหตุพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จึงควรดําเนินการด้วยความเด็ดขาดให้ได้ผล เพื่อความมั่นคงของประเทศ
และความสงบสุขของประชาชน ประกอบกับขณะนี้ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้

        ข้อ 1 ให้คดีที่มีข้อหาว่ากระทําความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พุทธศักราช 2490 ไม่ว่าจะมีข้อหาว่ากระทําผิดอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ที่กระทําตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 16.30 นาฬิกา เป็นต้นไป ให้เป็นคดีอยู่ในอํานาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา ยกเว้นความผิดซึ่งการกระทําเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2551 และพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548

        ข้อ 2 ประกาศนี้ไม่มีผลกับการกระทําความผิดของเด็กและเยาวชนซึ่งอยู่ในอํานาจของศาลเยาวชนและครอบครัว

        ข้อ 3 ประกาศนี้ไม่มีผลกระทบคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรมในวันออกประกาศนี้

        ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

        พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 49/2557 เรื่อง ความผิดสำหรับการสนับสนุนการชุมนุมทางการเมือง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 49/2557
       เรื่อง ความผิดสำหรับการสนับสนุนการชุมนุมทางการเมือง

     

     
       ตามที่ได้มีการประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยกำหนดห้ามมิให้มั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป นั้น เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศดังต่อไปนี้
     
       โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลชุมนุมทางการเมือง ฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติข้างต้น โดยมีบุคคลกระทำการอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำความผิด โดยการอนุญาตให้ใช้สถานที่ หรือสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุมทางการเมือง เช่น เครื่องขยายเสียง เต็นท์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือกระทำโดยประการอื่น ให้ผู้กระทำการในลักษณะดังกล่าวระงับ หรือยุติกระทำการทันที มิเช่นนั้น ผู้กระทำดังกล่าวอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในฐานะผู้สนับสนุนผู้กระทำความผิด ซึ่งต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่ประกาศไว้ตามประกาศข้างต้น และอาจถูกริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวด้วย
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 48/2557 เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 48/2557
       เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง

     
       ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ศาลทั้งหลาย องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ยังคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดี หรือปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แล้วแต่กรณีนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของศาลหรือองค์กรดังกล่าวเป็นไปได้โดยต่อเนื่อง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศดังต่อไปนี้
     
       ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่าง ให้ดำเนินการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เคย ดำเนินการสรรหามาแล้วตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และหากในการสรรหาดังกล่าวไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งใดซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องมีใน คณะกรรมการสรรหาด้วย ให้คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 47/2557 เรื่อง ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 47/2557
       เรื่อง ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

     
       ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป แล้วนั้น
     
       เพื่อให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตาม ประกาศดังกล่าวข้างต้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงประกาศให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ใช้ อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
     
       ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557
       เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ
      
       เนื่องด้วยปรากฎว่าได้มีบุคคลจำนวนหนึ่งมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ผู้ที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิด ดังกล่าว นำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ภายในวันที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 ให้ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ไม่ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 20 ปี
      
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      
       สั่ง ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 36/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 36/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

      
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ดังนี้
      
       1. นายสมนึก ธนเดชากุล
       2. นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์
       3. นายโคทม อารียา
       4. นายนิติภูมิ นวรัตน์
       5. นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์
       6. นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม
      
       สั่ง ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
      

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 35/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 35/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

      
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 13.00 - 15.00 ดังนี้
      
       1. นายวิรัช รัตนเศรษฐ
       2. นางทัศนียา รัตนเศรษฐ
       3. พันตำรวจโทสมชาย เพศประเสริฐ
       4. นายโกศล ปัทมะ
       5. นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์
      
       สั่ง ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 34/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 34/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

      
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ดังนี้
      
       1. นางสาวจิรนันท์ จันทวงษ์
       2. นายณัฐชัย อินทราย
       3. นายเมธี หรือนายนิติธาดา เมธาสุข
       4. นายเจริญ ปัญญาวงศ์
       5. นายมหวรรณ กะวัง
       6. นางสาวอุบลกาญจน์ อมรสิน
       7. นายไพรัช สร้างถิ่น
       8. นายชัชวาล กาญจนะหุต
       9. นายเฉลิมพล เจษฎางกูล ณ อยุธยาหรือ ผาสุก
       10. นายสมชาติ นาคบรรจง
       11. นายชาญ ไชยะ
       12. นายวุฒินันท์ ปราบนอก
       13. นางสาวสกุล บางระมาด
       14. นายไพวรรณ์ สีน้ำอ้อม
       15. นายประเทือง ภิญโญ
       16. นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา
       17. นายอำนวย คลังผา
      
       สั่ง ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 45/2557 เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของช่องรายการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก (สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก)

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 45/2557
       เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของช่องรายการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก (สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก)

     
       เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสาร สถานการณ์ภายในประเทศ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปสู่ประชาชนชาวไทยภายในประเทศและทั่วโลก เป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงให้สถานีดทรทัศน์ดาวเทียมไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก(สถานีวิทยุโทรทัศน์ กองทัพบก)ออกอากาศได้ในทุกช่องทาง
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
     
       ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 46/2557 เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 46/2557
       เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้

     
       ด้วยปรากฏว่า มีบุคคล หรือกลุ่มบุคคลมีพฤติกรรมในการติดตามทวงถามหนี้จากชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม และเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยผู้กระทำความผิดไม่เกรงกลัวต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และโทษที่จะได้รับสำหรับความผิดนั้น เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงออกประกาศดังต่อไปนี้
     
       ผู้ใดข่มขืนใจชาวบ้านให้ยอมให้ หรือยอมจ่ายให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของชาวนา หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 33/2557 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 33/2557
       เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม

     
       เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ และให้การดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงออกคำสั่งดังนี้
     
       ข้อ 1 แต่งตั้งคณะทำงานในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการ เงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม ดังนี้
     
       1.1 อธิบดีกรมสรรพากร
       1.2 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
       1.3 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
       1.4 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
     
       ข้อ 2 ให้คณะทำงานตามข้อ 1 มีอำนาจแต่งตั้ง และมอบหมายเเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความเหมาะสม
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
      

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 32/2557 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 32/2557
       เรื่อง แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457

     
       ตามที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 16.30 น.เป็นต้นไปแล้วนั้น เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการยุบ การระงับ การปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก จึงให้ดำเนินการดังนี้
     
       1.กำหนดเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ผู้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกดังนี้
       1.1 กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ทั่วราชอาณาจักร
     
       1.2 กองทัพบก
       1.2.1 ผู้บัญชาการทหารบกเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ทั่วราชอาณาจักร
       1.2.2 แม่ทัพภาค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากแม่ทัพภาค เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ตามเขตกองทัพภาค
     
       1.3 กองทัพเรือ
       1.3.1 ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ในเขตรับผิดชอบของกองทัพเรือ
       1.3.2 ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ในทะเลอาณาเขตที่รับผิดชอบ
       1.3.3 ผู้บัญชาการกองเรือภาค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการกองเรือภาค เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ในเขตทะเล อาณาเขตที่รับผิดชอบ
     
       1.4 กองทัพอากาศ ผู้บัญชาการทหารอากาศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ในเขตรับผิดชอบของกองทัพอากาศ
     
       2.การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามคำสั่งนี้ หากเป็นการใช้อำนาจในการปฏิบัติการซ้อนกัน ให้ประสานกับปฏิบัติกับผู้รับผิดชอบพื้นที่ตามความจำเป็น
     
       3.การใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เฉพาะการเกณฑ์ หากมีความจำเป็นต้องกระทำให้รายงานขออนุมัติต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ง ชาติก่อน เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะดำเนินการได้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 31/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 31/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00-11.00 น. ดังนี้
     
       1. นายสุวิชา พานิชผล
       2. น.ส.สายลม กาบบัวแดง
       3. นายโยธิน ศรีจันทร์เทพ
       4. นายแพทย์สง่า คุณยศยิ่ง
       5. ร.อ.ทองทศ มากสาคร
       6. นางมณีรัตน์ โกทันต์
       7. นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์
       8. นายปิยบุตร พรหมลักขโณ
     
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
      

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 30/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

        คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 30/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

    
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 น.ถึง 12.00 น. ดังนี้
    
       1. น.ส.อภิรดี สุพรรณ
       2. นายประเสริฐ ทองนุ่น
       3. นายสุนทร ลิ้มภิกุล
       4. นายประวิทย์ ใจห้าว
       5. นายอานำ วิภูสมิทธ์
       6. นายณรงค์ แก้วพรพงศ์
       7. พ.ต.อ.พินิจ ไชยเสนีย์
       8. นายชัยมงคล เสน่หา
       9. นายอนุศักดิ์ อนุการ
    
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

      
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ มารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 – 10.30 น.
      
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 28/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 28/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

      
       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
      
       1. ให้ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
      
       2. ให้ นายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
      
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 27/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

      
       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
      
       1. ให้นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ยังคงปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
      
       2. ให้หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกหน้าที่หนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
      
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      
       สั่ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 26/2557 เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 26/2557
       เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม


     

       ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งที่ 3/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และคำสั่งที่ 5/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม นั้น เนื่องจากปรากฎว่าบุคคลที่มีรายชื่อต้องมารายงานตัวบางราย ฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว ดังนั้น เพื่อป้องกัน ระงับ มิให้บุคคลทั้งสองกระทำการช่วยเหลือหรือสนับสนุนด้านการเงินแก่บุคคลหรือ กลุ่มบุคคลที่กระทำการหรือมีการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยของ บ้านเมือง จึงออกคำสั่งดังนี้

     

       ข้อ 1 ห้ามมิให้สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคารตามที่ได้มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นเฉพาะ บริษัทหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย และสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้บริการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด นิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน่าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญา ซื้อขายล่วงหน้า ทำนิติกรรมสัญญา หรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน และห้ามมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลใดรับซื้อหรือรับแลกเปลี่ยนเช็ค ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ ที่สั่งจ่ายให้กับบุคคลดังต่อไปนี้

     

       1. นายสมบัติ บุญงามอนงค์

     

       2. จ่าสิบตำรวจ ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ

     

       ข้อ 2 ให้สถาบันการเงิน และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจตามข้อ 1 แจ้งและส่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวที่ได้กระทำขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พุทธศักราช 2557 จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ส่งให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ภายในสามวันนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง

     

       ข้อ 3 การขอเพิกถอนคำสั่งห้ามทำนิติกรรมสัญญาหรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกับบุคคลทั้งสอง เฉพาะรายครั้งแล้วแต่กรณี ให้บุคคลทั้งสองพร้อมด้วยสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจ ตามข้อ 1 ยื่นคำขอ และแสดงตนต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมด้วยหลักฐานที่แสดงว่าการทำนิติกรรม สัญญาหรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามข้อ 1 ไม่ได้เป็นการกระทำ หรือสนับสนุนการกระทำเพื่อให้เกิดเหตุแห่งความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

     

       ข้อ 4 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     

       สั่ง ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

     

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)

       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 25/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 25/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

      
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 11.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
      
       1. จ่าสิบตำรวจ มานัส เติมธนะศักดิ์
      
       2. พันตำรวจโท สันทนะ ประยูรรัตน์
      
       3. นาย สุวัฒน์ วุฒิศักดิ์
      
       4. นาย วิชา พร้อมเพรียงชัย
      
       5 นาย ธนิก มาสีพิทักษ์
      
       6. นาย กฤษณะ มานะการ
      
       7. นาย อิทธิพล สุขแป้น
      
       สั่ง ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
      
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 44/2557 เรื่อง ให้เรือนจำในสังกัดกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรมปฏิบัติตามหมายของศาลทหาร

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 44/2557
       เรื่อง ให้เรือนจำในสังกัดกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรมปฏิบัติตามหมายของศาลทหาร


     

       ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และฉบับที่ 38 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 นั้น เพื่อให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งหรือ คำพิพากษาของศาลทหาร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงประกาศให้เรือนจำทั้งหลายที่อยู่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายของศาลทหารด้วย

     

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

       ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

     

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)

       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 43/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 43/2557
       เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร


     

       ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 นั้น เพื่อให้การดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนเป็นไปอย่าง เหมาะสม หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงประกาศให้การกระทำความผิดของเด็กหรือเยาวชนตามประกาศฉบับดังกล่าว เป็นคดีที่ต้องดำเนินในศาลเยาวชนและครอบครัว และไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร

     

       ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

     

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)

       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 42/2557 เรื่องแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557
       เรื่อง แก้ไขห้วงเวลา ห้ามออกนอกเคหะสถาน

     
       ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ห้ามออกนอกเคหะสถาน โดยห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหะสถานภายในเวลา 22.00 ถึง 5.00 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหะสถานนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงกำหนดแก้ไขห้วงเวลา ห้ามออกนอกเคหะสถานและแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
     
       1. ห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหะสถาน ภายในเวลา 00.01 ถึง 04.00 ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
     
       2. การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในการรับส่งเงินและทรัพย์สินมีค่าของธนาคาร ให้ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการรับส่งเงินของธนาคาร เดินทางในห้วงเวลากลางคืน และพกพาอาวุธเพื่อประกอบธุรกิจ
     
       3. การปฏิบัติของผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน ให้ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การอนุญาตให้ขนส่งสินค้าในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน
     
       ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 24/2557 เรื่อง ห้ามให้มีการเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557
       เรื่อง ห้ามให้มีการเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย


     

       เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่สังคมและผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม จึงให้ดำเนินการดังนี้

     

       1. ให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มมาตรการและความเข้มข้นในการกำกับดูแลมิให้มีการเล่นการพนันที่ผิด กฏหมายทุกประเภทในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะบ่อนการพนัน ตู้ม้า สลากกินรวบ ฯลฯ โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

     

       2. กรณีที่มีการปล่อยปะละเลย และ/หรือ มีข้าราชการผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบให้มีการเล่นการพนันผิดกฏหมาย ในพื้นที่รับผิดชอบ จะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและคดีอาญาจนถึงที่สุด

     

       3. ให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำวัน ตามข้อ 1 ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่อง

     

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

     

       สั่ง ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

     

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

       (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)

       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557
       เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด

     
       ตามที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปรากฏว่ามีบุคคลบางราย ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับการเรียกบุคคลให้มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นไปอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด จึงออกประกาศ ดังนี้
     
       1.บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกสั่งห้ามกระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     
       2.บุคคลที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรียกให้มารายงานตัว ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2557 และคำสั่งรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 รวมทั้ง คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 15/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 18/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ที่ยังไม่ได้มารายงานตัว หากยังไม่มารายงานตัวในวันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00-12.00 น. ถือว่าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกสั่งห้ามกระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 23/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
     
       1.นายแดง แซ่เฮง
       2.นายมาลัยรักษ์ ทองชัย
       3.พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ
       4.นายบรรหาร ศิลปอาชา
       5.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
       6.นายอดิศร ผลลูกอินทร์
       7.นางจุรีพร สินธุไพร
       8.พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน
       9.นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์
       10.นายอุกฤษ มงคลนาวิน
       11.นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง
       12.นายสมศักดิ์ เกียรติพัฒนชัย
       13.นายจิรายุทธ ทรงยศ
       14.นายทยากร ยศอุบล
       15.นายวิทยา แก้วภราดัย
       16.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี
     
       สั่ง ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 40/2557 เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 40/2557
       เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ

     
       เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและ มีประสิทธิภาพ จึงกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเกี่ยวกับการปล่อยตัวบุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราช บัญญัติกฏอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ ดังนี้
     
       1.ให้บุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามแนบท้ายประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
     
       2.บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 39/2557
       เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

     
       เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและ มีประสิทธิภาพ จึงกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเกี่ยวกับการรายงานตัวของบุคคลตามคำสั่งหรือ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้
     
       1.ให้บุคคลที่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติและได้รับการ ปล่อยตัว ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามแบบแนบท้ายคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด
     
       2.บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 19/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 19/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.00-14.00 น.ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
     
       1.นางปราณี เอ็งอายุรกูล
       2.นายวีระชัย วงศ์นภาจันทร์
     
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 18/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

    
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 13.00-14.00 น. ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
    
       1. พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี
       2. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา
       3. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ
       4. พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร
    
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 17/2557 เรื่อง การอนุญาตให้ขนส่งสินค้าในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 17/2557
       เรื่อง การอนุญาตให้ขนส่งสินค้าในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน

     
       ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องห้ามออกนอกเคหะสถาน โดยห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหะสถาน ภายในเวลา 22.00 - 05.00 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตลอดจนเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในการซื้อหาสินค้าอุปโภคบริโภค จึงอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว สามารถขนส่งสินค้าในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถานได้ ทั้งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังคงสามารถตรวจค้นยานพาหนะขนส่งสินค้าต่างๆ ได้ หากพบสิ่งบอกเหตุที่อาจเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรืออาจส่งผลกระทบต่อความสงบ เรียบร้อย ตลอดจนความมั่นคงของชาติ
     
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 16/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
     
       1.นายบรรเจิด สิงคะเนติ
       2.นายสุรพล นิติไกรพจน์
       3.นายหริรักษ์ สูตะบุตร
       4.นายชัยอนันต์ สุทวณิช
       5.นายธีรยุทธ บุญมี
     
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 15/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

    
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
    
       1.นายสมหมาย แว่นแก้ว
       2.นายสมหมาย สกุลเมตตา
       3.นายวิทยา บูรณสิริ
    
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 14/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

    
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 - 12.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
    
       1.นายสารัชต์ รัตนาวดี
       2.นายบัณฑิต พิทักษ์สิทธิ์
       3.พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงชัย
       4.นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร
       5.พล.อ.สิงห์ทอง พลอยแดง
       6.พล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน
       7.นายสำราญ สายชนะ
       8.นายธนเดช เอกอภิวัชร์
       9.นายคมกฤษ อาวุธเพชร
       10.ร้อยเอกกฤษณ์ อิสารพายุ
       11.นายดำรง พิเดช
       12.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
       13.นายรังสี เสรีชัยใจมุ่ง
       14.นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง
       15.นายสมชาย ไพบูลย์
       16.นายอรรถชัย อนันตเมฆ
       17.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
       18.นางจารุพรรณ กุลดิลก
       19.น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ
       20.นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ
       21.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล
       22.นายนพพร นามเชียงใต้
       23.นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร
       24.นายชาญยุทธ เฮงตระกูล
       25.นายโสภณ เมฆตระกูล
       26.นายอนันต์ อัศวโภคิน
       27.นายเศรษฐา ทวีสิน
       28.นายธวัชชัย วิไลลักษณ์
       29.นายเปรมชัย กรรณสูตร
       30.นายอภิชาต จันทร์สกุลพร
    
       สั่ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557
       เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร

    
       โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พิจารณาเห็นว่า คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับอื่น ให้คดีที่มีข้อหาว่าการกระทำผิดบางอย่างอยู่ในอำนาจศาลทหารนั้น คดีดังกล่าวอาจมีข้อหาอื่นที่มีความผิดในตัวเองและมิได้อยู่ในอำนาจศาลทหาร รวมอยู่ สมควรให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาในข้อหานั้นด้วย เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรวดเร็ว จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
    
       บรรดาคดีความผิดที่อยู่ในอำนาจศาลทหารพิจารณาพิพากษา ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับอื่น ถ้าคดีใดประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกัน แม้แต่ละอย่างจะเป็นความผิดได้ในตัวเองและไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ให้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาด้วย
    
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    
       ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557
       เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร

     
       ตามที่ได้มีประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ให้ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงประกาศให้บรรดาคดีความผิดตามที่กำหนดไว้ดังต่อไป นี้ ซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตราชอาณาจักรและในระหว่างที่ประกาศนี้ใช้บังคับ อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร
     
       1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
       1.ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112
       2.ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 ถึงมาตรา 118 ยกเว้นความผิดซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราช บัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
     
       2.ความผิดตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
     
       ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 26/2557 เรื่อง การดูแล และสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์

        ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 26/2557
        เรื่อง การดูแล และสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์


        ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 17/2557 เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 นั้น เพื่อให้การดําเนินการตามประกาศดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย จึงให้ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทํางานด้านสื่อสังคมออนไลน์ มีอํานาจหน้าที่ ดังนี้

        1. ตรวจสอบ หรือเข้าถึงข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ การใช้เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่แพร่ในเชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมาย ตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยประสานกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

        2. มีอํานาจระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และคลิปเสียง ที่ฝ่าฝืนตามข้อ 1

        3. ใช้อํานาจหน้าที่ตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อดําเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทําในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งร่วมมือและประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

        เพื่อดําเนินการตามคําสั่งดังกล่าวต่อไป

        ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง
        ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

        พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 36/2557 เรื่อง เชิญผู้ประกอบการค้าและการขนส่งน้ำมันเข้าร่วมประชุม

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 36/2557
       เรื่อง เชิญผู้ประกอบการค้าและการขนส่งน้ำมันเข้าร่วมประชุม

    
       ตามที่ ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ห้ามออกนอกเคหะสถาน ซึ่งห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถาน ภายในเวลา 22.00 - 05.00 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ นั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการค้าและการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอเรียนเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าดำเนินการดังกล่าว เข้าร่วมประชุม ในวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 14.00 ณ สโมสารทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ดังนี้
    
       1.อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
       2.อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม
       3.ผู้ค้าน้ำมัน ตามมาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2543
       4.ผู้ขนส่งน้ำมัน ตามมาตรา 12 แห่ง พระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2543 ที่มีรถขนส่งน้ำมันในครองครอง ตั้งแต่ 50 คัน ขึ้นไป
    
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
    
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 35/2557 เรื่อง อำนาจในการอนุมัติงบประมาณของปลัดกระทรวง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 35/2557
       เรื่อง อำนาจในการอนุมัติงบประมาณของปลัดกระทรวง

  
       ตามที่ได้มีกำหนดให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการ ชั่วคราวตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 แล้วนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงกำหนดให้ดำเนินการดังนี้
  
       1.การอนุมัติแผนงาน/โครงการใดๆ ที่อยู่ในอำนาจอนุมัติของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะต้องเสนอเรื่องให้หัวหน้า ฝ่ายซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของ กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 พิจารณาให้เห็นชอบก่อน จึงจะสามารถดำเนินการตามแผนงาน/โครงการได้
  
       2.การดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ที่เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แม้จะเคยได้รับการอนุมัติหลักการเอาไว้แล้ว โดยรัฐบาลในอดีต ในขั้นการอนุมัติงบประมาณจะต้องเสนอให้หัวหน้าฝ่าย ตามข้อ 1 พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงาน/โครงการก่อน
  
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
  
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
  
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 34/2557 เรื่อง การปรับปรงโครงสร้างการจัดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 34/2557
       เรื่อง การปรับปรงโครงสร้างการจัดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

             เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย เกิดประสิทธิผลสูงสุด จึงให้ปรับปรุงโครงสร้างการจัดส่วนงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ดังนี้
1. ให้ปรบปรุงโครงสร้างการจัดส่วนงานของ สลธ.คสช. ตามประกาศคณะรักาาความสงบแห่งชาติ (สลธ.คสช.) ดังนี้
1.1 ให้ยกเลิกโครงสร้างการจัดส่วนงานของ สลธ.คสช. ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 22/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
1.2 ให้ใช้โครงสร้างการจัดของ สลธ.คสช. (ผนวก ก โครงสร้าง สลธ.คสช.) โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วนงานดังนี้
1.2.1 ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย (สรส.) : มี พลเอก อัการา เกิดผล เสนาธิการทหารบก เป็นผู้อำนวยการส่วนงานรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.สรส.) และพลโทฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบก เป็นรองผู้อำนวยการส่วนงานรักษาความสงบเรียบร้อย (รอง ผอ.สรส.) มีหน้าที่ในการวางแผน อำนวยการ ควบคุม และกำกับดูแลการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบของ คสช.
1.2.2 ส่วนงานการบริหารราชการ (สบร.) : มี พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ รองเสนาธิการทหารบก เป็น ผู้   อำนวยการส่วนงานการบริหารราชการ (ผอ.สบร.) และ พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็น รองผู้อำนวยการส่วนงานการบริหารราชการ (รอง ผอ.สบร.) มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการบิรหารราชการของฝ่ายต่างๆ ของ คสช. และหน่วยงาน/ส่วนราชที่ขึ้นตรงต่อ หน.คสช.
2. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
        ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2557
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 33/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือในการปฏิบัติของศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่น

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 33/2557
       เรื่อง ขอความร่วมมือในการปฏิบัติของศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่น

   
       ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้ศาลทั้งหลาย คงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตลอดจนให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่น ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน และมีความสมานฉันท์ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดย สันติวิธี ดังนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือให้สถาบันศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นๆ งดแสดงความคิดเห็น ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด มีตวามสับสนหรือเกิดการแตกความสามัคคี จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของพนักงานเจ้าหน้าที่ของคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ
   
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 32/2557 เรื่อง ระงับการออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย และสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 32/2557
   
       เรื่อง ระงับการออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย และสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ

   
       เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทยต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และฉบับที่ 23 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 โดยระงับการออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายที่กำหนด และสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการแล้วนั้น และเพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน จึงประกาศให้สถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ถือปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั้ง 2 ฉบับโดยเคร่งครัด
   
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 31/2557 เรื่อง การประชุมกำหนดแนวทางดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 31/2557
       เรื่อง การประชุมกำหนดแนวทางดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ

   
       เพื่อให้การดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร และการคลัง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอเรียนเชิญปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสมาคมหอการค้าไทย ประธานสมาคมการค้า และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งคณะผู้ติดตาม หน่วยงานละ 1 คน เข้าร่วมประชุมกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 น. ณ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

      

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 13/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 13/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 11.00 - 12.00 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
     
       1.นางจรรยา สว่างจิตร
       2.นายชเยนทร์ คำนวณ
       3.นายพิชิต ชื่นบาน
       4.นางกาญจนา หงษ์เหิน
       5.นางสาวณัชชานันท์ เครือชัย
       6.นางวิมลรัตน์ กุลดิลก
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 12/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ มารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ห้วงเวลา 11.00 - 11.30
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 11/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

     
       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
     
       1.ให้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
     
       2.ให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย มาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก หน้าที่หนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 10/2557 เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 10/2557
     
       เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม

     
       ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว นั้น เนื่องจากปรากฎว่าบุคคลที่มีรายชื่อต้องมารายงานตัวบางราย ฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว ดังนั้น เพื่อป้องกัน ระงับ มิให้บุคคลทั้งสองกระทำการช่วยเหลือหรือสนับสนุนด้านการเงินแก่บุคคลหรือ กลุ่มบุคคลที่กระทำการหรือมีการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยของ บ้านเมือง จึงออกคำสั่งดังนี้
     
       ข้อ 1 ห้ามมิให้สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคารตามที่ได้มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นเฉพาะ บริษัทหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย และสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้บริการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด นิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน่าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญา ซื้อขายล่วงหน้า ทำนิติกรรมสัญญา หรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน และห้ามมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลใดรับซื้อหรือรับแลกเปลี่ยนเช็ค ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ ที่สั่งจ่ายให้กับบุคคลดังต่อไปนี้
     
       1.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
       2.นายจาตุรนต์ ฉายแสง
     
       ข้อ 2 ให้สถาบันการเงิน และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจตามข้อ 1 แจ้งและส่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวที่ได้กระทำขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557 จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ส่งให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ภายในสามวันนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง
     
       ข้อ 3 การขอเพิกถอนคำสั่งห้ามทำนิติกรรมสัญญาหรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกับบุคคลทั้งสอง เฉพาะรายครั้งแล้วแต่กรณี ให้บุคคลทั้งสองพร้อมด้วยสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจ ตามข้อ 1 ยื่นคำขอ และแสดงตนต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมด้วยหลักฐานที่แสดงว่าการทำนิติกรรม สัญญาหรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามข้อ 1 ไม่ได้เป็นการกระทำ หรือสนับสนุนการกระทำเพื่อให้เกิดเหตุแห่งความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
     
       ข้อ 4 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 30/2557 เรื่อง ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 30/2557
       เรื่อง ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง

   

       ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้วุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
   
       ข้อ 1. ให้วุฒิสภาที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ สิ้นสุดลง
   
       ข้อ 2. ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องได้รับความเห็นชอบจาก รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการให้ความเห็นชอบแทนรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ในเรื่องนั้น
   
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมรายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมรายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

   
       ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม และแก้ไขวันเวลาและสถานที่รายงานตัว ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       หากบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าว ไม่มารายงานตัวภายในวันเวลาที่กำหนด ต้องระวางจำโทษคุก 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้การทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ บุคคล หรือนิติบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
   
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 9/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 9/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน

     

       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
     
       1. ให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
       2. ให้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 8/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่

     

       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
     
       1. ให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
       2. ให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกหน้าที่หนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2557
       เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน

     
       เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
     

       1. ให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน โดยยังคงเป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 6/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
       2. ให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
     
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

       คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

     
       เพื่อให้การรักษาความสงบและแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้นายประวิตร โรจนพฤกษ์ มารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 น.
     
       สั่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
     
       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 28/2557 เรื่อง การถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 28/2557
       เรื่อง การถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง

   

       ตามที่กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร และเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้งของบ้านเมืองมาโดยลำดับนั้น กองทัพบก และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ ตามโอกาสอันเหมาะสม
   
       บัดนี้ ได้มีหนังสือตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการว่า ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรียบร้อยแล้ว จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
   
       ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 27/2557เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอลและสถานี โทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตสัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ

        ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2557
   
        เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอลและสถานี โทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตสัญญา หรือสัมปทานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ

   

       เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้
   
        1.ผู้ให้บริการโทรทัศน์ดังต่อไปนี้ออกอากาศได้ตามปกติ ผ่านทางระบบการใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน ระบบผ่านดาวเทียม และเคเบิ้ล
        (1.)ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบอนาล็อกตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 23/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
   
        (2.)ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล ซึ่งได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ยกเว้นสถานีโทรทัศน์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
   
        2.ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่ได้รับอนุญาตออกอากาศรายการได้ตาม ปกติ ผ่านทางโครงข่ายระบบผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลแบบบอกรับสมาชิกเท่านั้น
   
        3.การออกอากาศรายการประจำสถานีจะต้องงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอันมี ลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และฉบับที่ 18/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557)
   
        4.เมื่อมีการเผยแพร้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์ข้างต้นถ่ายทอดสัญญาณภาพ เสียงจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกโดยทันที
   
        5.ให้ผู้ให้บริการภาคพื้นดินทั้งระบบอนาล็อกและดิจิตอล รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน โครงข่ายดาวเทียม และโครงข่ายเคเบิ้ล ที่ให้บริการระดับชาติมารายงานตัว ณ หอประชุมชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.00 น.
   
        ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
   
        ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
        พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

      

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 25/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว หรือแจ้งเหตุขัดข้อง

       ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 25/2557
       เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว หรือแจ้งเหตุขัดข้อง

   

        ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม แก้ไขวันเวลา และสถานที่รายงานตัว และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ด้วยปรากฏว่ายังมีบุคคลที่มีรายชื่อตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติยัง ไม่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนั้น เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคลลซึ่งมีรายชื่อตามคำสั่งดังกล่าวมารายงานตัวภายในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ภายในเวลา 16.00 น. หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   
        สำหรับผู้ที่มีเหตุขัดข้องจำเป็นเร่งด่วนไม่สามาระมารายงานตัวได้ภายในระยะ เวลาที่กำหนดให้แจ้งข้อขัดข้องมายังคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเวลากำหนด ข้างต้น
   
        ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
   
        ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
   
        พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ