ประกาศสำนักพระราชวัง
สำนัก พระราชวัง ได้ออกประกาศเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559
สำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศเรื่อง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช
บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ
โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557
ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น
แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ
แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13
ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคคต ณ
โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89
ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
พระราชประวัติ
พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2470 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่เก้าแห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2489 จึงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในโลก และยาวนานที่สุดในประเทศไทย
ครั้งทรงพระเยาว์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2470 ด้วยขณะนั้นสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการ อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
การศึกษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เมื่อทรงพระชนมพรรษาได้ 4 พรรษา ครูประจำชั้นของพระองค์เป็นนางชีคาทอลิกคณะอุรุสิลิน(เซนต์เออร์ชูล่า) ชื่อ ซิสเตอร์มารี เซเวียร์ กล่าวไว้ว่า “ฉันจะไม่มีวันลืมเจ้านายพระองค์น้อยที่เฉลียวฉลาดและทรงมีจิตใจดีอย่าง เหลือเชื่อ ซึ่งเสด็จมาทรงเข้าชั้นเรียนร่วมกับเด็กๆ ชาวไทยคนอื่นเลย แม้วันแรกๆ ที่เสด็จมาโรงเรียนยังสังเกตเห็นได้ว่า ทรงมีพรสวรรค์ทางดนตรี แต่ก็ทรงเรียนวิชาอื่นๆ อย่างสบาย ทรงกระตือรือร้นสนพระทัยและเอาพระทัยใส่ในทุกสิ่งรอบพระองค์”
สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเสด็จขึ้นครองราชย์
เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช” เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2478
เหตุร้ายไม่คาดฝัน
อีกไม่กี่วันที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับสวิตเซอร์แลนด์ แต่หมายกำหนดการนั้นต้องเลื่อนออกไปเมื่อสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเสด็จสวรรคต รัฐสภาลงมติเป็นเอกฉันท์กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จฯ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไปเป็นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ก่อนที่พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีพระราชดำรัสอำลาประชาชนทางวิทยุกระจายเสียงว่า
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์จนถึงพ.ศ.2488 ทรงรับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จากโรงเรียนยิมนาสคลาซีคกังโตนาล แล้วทรงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโลซานแต่เปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์ไปเป็นสาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์
พระราชินีเฝ้าไข้ใกล้ชิด
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์เสด็จฯ เยือนกรุงปารีสทรงพบกับม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งเป็นธิดาของเอกอัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ในขณะนั้นทั้งสองพระองค์มีพระชนมพรรษา 21 พรรษา และ 15 พรรษา ตามลำดับ
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2491 ในระหว่างประทับอยู่ต่างประเทศ ขณะที่พระองค์ทรงรถยนต์พระที่นั่งเฟียสทอปอลิโนจากเจนีวาไปยังโลซาน ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กล่าวคือรถยนต์พระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้พระเนตรขวาได้รับบาดเจ็บ
พระราชพิธีราชาภิเษก
เดิมทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งพระราชหฤทัยว่าจะทรงครองราชสมบัติแต่ ในช่วงการจัดงานพระบรมศพของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเท่านั้นเพราะยังทรงพระ เยาว์และไม่เคยเตรียมพระองค์ในการเป็นพระมหากษัตริย์มาก่อน ก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถยนต์ พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาเพิ่มเติมที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ทรงได้ยิน เสียงราษฎรคนหนึ่งตะโกนว่า “ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน” จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระหนักในหน้าที่พระมหากษัตริย์ของ พระองค์ดังที่ได้รับสั่งตอบชายคนนั้นในอีก 20 ปีต่อมา
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติ ณ นครโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2494 ต่อมาทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ปัจจุบันทรงพระนามว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2495 ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2500
ทรงพระผนวช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะทรงพระผนวชในบวรพระพุทธศาสนาตามโบราณราชประเพณี เป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม–5 พฤศจิกายน 2499 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ทรงได้รับฉายาว่า ภูมิพโลภิกขุ หลังจากนั้นเสด็จฯ ไปประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่างที่ทรงพระผนวชนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมปีเดียวกัน
ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศพระภิกษุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกิจเช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า–เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัย นอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ เช่น ในวันที่ 24 ตุลาคม 2499 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงร่วมสังฆกรรมในพิธีผนวชและอุปสมบทนาคหลวงในพระบรมราชินูปถัมภ์ในวันที่ 28 ตุลาคม 2499 เสด็จฯ ไปทรงรับบิณฑบาตจากพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในโอกาสนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
อนึ่งในการทรงพระผนวชครั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2499 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช พระราชอุปัชฌาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า และถวายฐานันดรศักดิ์เป็นกรมหลวง
พระราชกรณียกิจ
ตลอดระยะเวลาการครองราชย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระ ราชกรณียกิจมากมายหลายด้าน อาทิ ด้านศิลปวัฒนธรรมและวรรณคดีพ.ศ. 2503 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นมาใหม่หลังจากที่ได้ เลิกร้างไปตั้งแต่พ.ศ.2479 และทรงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยแขนงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ประวัติศาสตร์ไทย สถาปัตยกรรม จิตรกรรม นาฏศิลป์ การดนตรีและศิลปะอื่นๆ เช่น โปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรจัดทำโน้ตเพลงไทยตามระบบสากลและจัดพิมพ์ขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้อาจารย์และนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิจัยหาระดับเฉลี่ยมาตรฐานของเครื่องดนตรีไทย ทรงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย
ด้านการพัฒนาชนบททรงพัฒนาชนบทในรูปโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมี จุดประสงค์คือการพัฒนาชนบทเพื่อให้ราษฎรในชนบทได้มีความเป็นอยู่ตลอดจน สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวให้ดีขึ้นแนวพระราชดำริที่สำคัญในเรื่องการ พัฒนาชนบทคือมีพระราชประสงค์ช่วยให้ชาวชนบทสามารถพึ่งตนเองได้โดยการสร้าง พื้นฐานหลักที่จำเป็นต่อการผลิตให้แก่ราษฎรเหล่านั้นทรงส่งเสริมให้ชาวชนบท มีความรู้ในการประกอบอาชีพตามแต่ละท้องถิ่นนอกจากนี้ยังทรงหาทางนำเอา วิทยาการสมัยใหม่มาประยุกต์กับภูมิปัญญาชาวบ้าน
ด้านการแพทย์โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระยะแรกล้วนแต่เป็น โครงการด้านสาธารณสุขในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ ต่างๆจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญใน แต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่างๆและล้วนเป็นอาสาสมัครพร้อมด้วยเวชภัณฑ์และ เครื่องมือแพทย์พร้อมให้การรักษาพยาบาลราษฎรผู้ป่วยไข้
ด้านการศึกษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธิอานันทมหิดลเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เพื่อสนับสนุนทางด้านคัดเลือกบัณฑิตในสาขาวิชาต่างๆ ไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยพระองค์พระราชทานทุนให้ตลอดจนดูแลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในต่างประเทศ นั้นๆ อีกด้วย
ทรงจัดตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจำนวนมากตัวอย่างโครงการที่ สำคัญ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนาก่อตั้งเมื่อ 14 มิถุนายน 2531 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการ พัฒนาอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและ สามารถพึ่งพาตนเองได้
มูลนิธิโครงการหลวงก่อตั้งเมื่อพ.ศ.2512 เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขาเพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น
โครงการแก้มลิงก่อตั้งขึ้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2538 เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยหลังเกิดอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ.2538 โดยให้จัดหาสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพมหานครเพื่อรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราวเมื่อถึงเวลาที่คลองพอจะระบาย น้ำได้จึงค่อยระบายน้ำจากส่วนที่กักเก็บไว้ออกไป
โครงการฝนหลวงก่อตั้งเมื่อพ.ศ.2512 เพื่อแก้ปัญหาเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร
โครงการแกล้งดินเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวหรือดินเป็นกรดโดยมีการขังน้ำไว้ใน พื้นที่จนกระทั่งเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้ดินเปรี้ยวจัดจนถึงที่สุดแล้วจึง ระบายน้ำออกและปรับสภาพฟื้นฟูดินด้วยปูนขาวจนกระทั่งดินมีสภาพดีพอที่จะใช้ ในการเพาะปลูกได้
พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินเป็นพระเครื่องที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างด้วยพระองค์เองพระราชทานแก่ทหารตำรวจข้าราชการและ พลเรือนในช่วงระหว่างพ.ศ.2508-2513มีทั้งสิ้นประมาณ 2,500 องค์
เสด็จสวรรคต
ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
พระบรมราโชวาทบางส่วน
"...สิ่งสำคัญในการปกครองก็คือ บ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็น คนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้..."
"...คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มีอยู่สี่ประการ. ประการแรก คือการรักษาสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม. ประการที่สอง คือการรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น. ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด. ประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง. คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์..."
คลิกดูเพิ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น